ก่อนที่จะฉีด โบท็อก พิษณุโลก ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง
โบท็อก พิษณุโลก ให้หน้าเรียวสวย ตรงกับความต้องการของคุณ
ในวงการศัลยกรรมเสริมความงามนั้น คงไม่มีใครไม่รู้จักโบท็อก (Botox) ที่ช่วยทำให้หน้าเรียว เต่งตึงกระชับขึ้นภายในไม่กี่วัน เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เป็นเหมือนของวิเศษจากพ่อมดที่ดลบันดาลสรรสร้างความงามให้เราได้ตามความต้องการ หรือจะพูดตรงๆว่าเราสามารถโกงอายุได้ด้วยการฉีดโบท็อก พิษณุโลกนั่นเอง
โบท็อกคืออะไร
Botox หรือ Botulinum toxin A คือโปรตีนที่สกัดมาจากแบคทีเรียชื่อ Clostridium botulinum ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว หากนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยรักษาโรคต่างๆได้ เช่น ไมเกรน ตาเหล่ ตาเข หนังตากระตุก กล้ามเนื้อเกร็งตัว เป็นต้น ซึ่งในวงการเสริมความงามนั้นโบท็อกนำมาใช้เพื่อลดริ้วรอยที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงกระชับขึ้น
โบท็อกมีข้อดียังไงหรอ
1.ช่วยลดริ้วรอย เช่น รอยตีนกา ร่องหน้าผาก ร่องแก้ม เป็นต้น เนื่องจากเมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปแล้ว จะทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลง ริ้วรอยต่างๆบนใบหน้าจึงลดลง ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนภายใน 3-7 วัน
2.ช่วยปรับรูปหน้า โดยจะทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง เพราะเมื่อโบท็อก พิษณุโลกไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อมีลักษณะเล็กลีบลง หากฉีดที่บริเวณกราม ก็จะทำให้ใบหน้าเล็กและเรียวขึ้น โดยจะเห็นผลชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน
3.สามารถรักษาโรคที่เกี่ยวกับการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อได้ เช่น ไมเกรน และอื่นๆ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
ขั้นตอนการฉีดโบท็อก
เมื่อแพทย์ฉีดโบท็อกเข้าไปในร่างกายแล้ว โบท็อกจะไปจับตัวกับสารสื่อประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทออกมาได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัวลง ซึ่งช่วยลดริ้วรอยต่างๆ ทำให้ใบหน้าเรียบเนียนเต่งตึงขึ้น โดยโบท็อก พิษณุโลกที่เข้าไปในร่างกายจะแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเซลล์ประสาทจะดูดซึมเข้าไป ส่วนที่สองจะไม่ถูกดูดซึมและไหลไปตามกระแสเลือด โดยไม่ส่งผลหรือเป็นอันตรายใดๆ จากนั้นจึงจะถูกขับออกไปจากร่างกายการฉีดโบท็อกในแต่ละครั้งจะใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 5-10 นาที และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่ต้องนอนพักฟื้น
แล้วก่อนฉีดโบท็อกพิษณุโลก จะต้องเตรียมตัวอย่างไร
- งดยาที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วาร์ฟาริน เป็นต้น ซึ่งหากไม่แน่ใจว่าควรหยุดยาชนิดไหนบ้าง ให้ปรึกษาศัลยแพทย์ที่จะเข้ารับการรักษา หรือนำยาที่กินประจำไปให้แพทย์ดู
- งดวิตามินหรืออาหารที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินซี น้ำมันตับปลา ใบแปะก๊วย เป็นต้น
- งดสครับหน้าเป็นเวลาประมาณ 2-3 วันก่อนฉีดโบท็อก พิษณุโลกเพื่อป้องกันการเขียวช้ำของใบหน้า
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกฮอล์ทุกชนิด ทั้งเบียร์ เหล้า และไวน์
- งดสูบบุหรี่ เพราะในบุหรี่มีสารที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว
- งดรับประทานของหมักดอง เช่น ปลาร้า ผักดอง ผลไม้ดอง เป็นต้น เพราะในอาหารจำพวกนี้มีสารที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว
- งดรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดจัด จนทำให้หน้าแดง เพราะความร้อนจะไปลดการออกฤทธิ์ของโบท็อก
- งดการนั่งหน้าเตาร้อนๆ เช่น การรับประทานหมูกระทะ อาหารปิ้งย่าง ชาบู หรือทำกับข้าวนานๆ เป็นต้น
การปฏิบัติตัวหลังจากฉีดโบท็อกแล้ว
- หลังฉีดโบท็อก พิษณุโลก ควรขยับเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณนั้นทันทีประมาณ 1-2 ครั้ง และหลังจากฉีดทั้งหมดควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวเป็นเวลาประมาณ 30 นาที เช่น ยิ้ม ยักคิ้ว หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง เพื่อให้เซลล์ประสาทดูดซึมโบท็อกเข้าไปให้มากที่สุด
- หลังจากฉีดโบท็อกเสร็จ ให้งดนอนราบประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกไหลไปในบริเวณที่ไม่ต้องการ และงดการก้มหัวลงต่ำกว่าระดับหัวใจ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่ใบหน้ามากขึ้น ซึ่งจะทำให้โบท็อกไหลไปตามกระแสเลือด และถูกขับออกมาจากร่างกาย
- ในคืนแรกหลังจากการฉีดโบท็อกให้หนุนหมอนสูงและนอนหงาย
- ไม่ควรบีบ นวด และคลึงบริเวณที่ทำการฉีดโบท็อก เป็นเวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากอาจจะทำให้โบท็อกไหลไปยังส่วนอื่นๆที่ไม่ต้องการ
- ภายใน 2 สัปดาห์แรกไม่ควรให้ใบหน้าสัมผัสกับความร้อน เช่น อบซาวน่า ทำเลเซอร์หน้า ไปกินอาหารที่ต้องอยู่หน้าเตา เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรือกินอาหารที่เผ็ดร้อนจนทำให้หน้าแดง
- ไม่ควรให้ใบหน้าโดนความร้อนจากการตากแดด เป่าผม หรืออาบน้ำอุ่น เพราะจะทำให้โบท็อกออกฤทธิ์ไม่เต็มที่
- งดเข้าคอร์สนวดหน้า เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังจากการฉีดโบท็อก พิษณุโลก
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เช่น เบียร์ เหล้า ไวน์ เป็นต้น
- งดสูบบุหรี่และรับประทานอาหารหมักดอง เพราะมีสารที่จะทำให้เส้นเลือดเกิดการขยายตัว
- งดออกกำลังกายอย่างน้อยเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพราะจะเกิดความร้อนขึ้นในร่างกาย
- ควรกินอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เช่น เนื้อสัตว์ ไข่แดง ตับ อาหารทะเล หอยนางรม เป็นต้น เพราะจะช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ดีขึ้น
- หากพบความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ปวดตา ปวดคอ ปวดหัว ตาแห้ง หนังตาตก เห็นภาพซ้อน หรือหายใจไม่สะดวก ควรปรึกษาแพทย์ทันที
ผู้ที่ห้ามฉีดโบท็อกโดยเด็ดขาด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง เป็นต้น เพราะจะเกิดอันตรายได้
- ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย หยุดไหลได้ยาก หรือ ผู้ที่จำเป็นต้องกินยาละลายลิ่มเลือดต่อเนื่อง
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่างๆ เพราะจะทำให้อาการแย่ลง
- ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อในการกลืนอาหาร
- ผู้ที่มีอาการติดเชื้อในผิวหนังบริเวณที่จะฉีดโบท็อก พิษณุโลก
- ผู้ที่มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้ส่วนผสมในโบท็อก ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
โบท็อกใช่ว่าจะมีข้อดีอย่างเดียว ข้อเสียก็มีนะ
ถึงแม้ว่าโบท็อกจะเปรียบเสมือนยาวิเศษ แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง นั่นก็คืออาจเกิดอาการดื้อยาได้ เนื่องมาจากการใช้โบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้ในปริมาณที่น้อยหรือสูงมากเกินไป ควรใช้ในปริมาณที่พอดี ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้กำหนดด้วยตัวเอง การดื้อยาอาจจะมาจากการฉีดโบท็อกที่บ่อยจนเกินไป เนื่องจากการฉีดโบท็อก พิษณุโลกไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร โดยต้องมีการมาฉีดซ้ำ
เพราะจะมีการสลายตัวเกิดขึ้น โดยแต่ละครั้งควรห่างกันอย่างน้อยมากกว่า 12 สัปดาห์หรือ 3 เดือนขึ้นไป และการมาฉีดซ้ำก็ไม่ควรเว้นระยะห่างจนเกินไป คือมากกว่า 6 เดือน เพราะอาจจะทำให้ต้องใช้โบท็อกในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และความเป็นไปได้ในการดื้อยาก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย แต่ก็ยังมีข้อดีในข้อเสียอยู่เช่นกัน คือหากเราไม่พอใจกับผลลัพธ์หลังการฉีด ก็สามารถกลับไปแก้ไขภายหลังได้ โดยต้องรอให้โบท็อกสลายตัวก่อนตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดไว้
แล้วโบท็อกของแท้ดูกันยังไง
โบท็อกแท้จะมีการกระจายตัวต่ำ ทำให้โบท็อก พิษณุโลกส่วนที่จะไหลออกไปมีน้อยลง และให้ผลลัพธ์ในการฉีดที่ดียิ่งขึ้น โดยโบท็อกแท้ต้องมีกล่องที่มีเลขทะเบียนอย.และมีซีลใสปิดอยู่ ต้องมีเอกสารกำกับเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เลข lot ตรงกัน 2 จุด คือที่กล่องและที่ขวด บางยี่ห้อข้างขวดจะมีสติ๊กเกอร์โฮโลแกรมสีรุ้งติดอยู่ด้วย และทุกยี่ห้อจะมียาเคลือบที่ก้นขวด ไม่มีน้ำผสม เป็นสุญญากาศ ต้องใส่น้ำเกลือไปละลาย แล้วดูดโบท็อกขึ้นมาเพื่อทำการฉีด
เวลาเราไปฉีดที่คลินิก ก็ควรให้แพทย์แกะกล่องและผสมน้ำเกลือให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง จะได้เช็คว่าเป็นโบท็อกของแท้หรือไม่ และเมื่อฉีดเสร็จเราก็ควรขอกล่องและขวดกลับไปด้วย หรือถ่ายรูปเก็บไว้ เพื่อจะได้ไปเช็ครายละเอียดทีหลังได้
ได้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อก พิษณุโลกกันไปพอสมควรแล้ว เราก็คงจะรู้ถึงวิธีและขั้นตอนของการฉีดโบท็อกไม่มากก็น้อย รวมทั้งวิธีปฏิบัติตัวก่อนและหลังการฉีด และเราสามารถดูได้เบื้องต้นว่าเป็นโบท็อกของแท้หรือของเทียม ที่สำคัญอย่าลืมเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป เพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจของเรา