เลเซอร์หน้าใส พิษณุโลก มีให้เลือกกี่แบบ และช่วยแก้ปัญหาผิวได้จริงหรือ?
การทำเลเซอร์เป็นนวัตกรรมของการศัลยกรรมเสริมความงามที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เพราะด้วยการใช้เวลาที่น้อย แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และคงอยู่ได้นาน ทำให้การทำ เลเซอร์หน้าใส พิษณุโลก ตอบโจทย์ใครหลายๆคน โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง เลเซอร์จึงเป็นตัวช่วยชั้นเยี่ยมในการแก้ไขปัญหาผิวหน้า ทั้งรอยจุดด่างดำ กระ ฝ้า ใบหน้าหมองคล้ำ ก็จะหายวับไปอย่างรวดเร็ว และยังเป็นตัวช่วยฟื้นฟูสภาพผิว กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย
การทำเลเซอร์เป็นกระบวนการรักษาผิวหนังบนใบหน้า ด้วยการยิงแสงเลเซอร์ไปยังบริเวณที่มีปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นกระ ฝ้า จุดด่างดำ ริ้วรอยหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง รอยแผลเป็นจากสิว เป็นต้น โดยแสงเลเซอร์จะเข้าไปลอกผิวชั้นบนสุดออก ซึ่งไม่เป็นอันตรายใดๆแก่ผิวหน้า ความร้อนจากเลเซอร์จะไปช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังมีการสร้างเซลล์ใหม่ และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้าหลังจากการทำเลเซอร์หน้าใสพิษณุโลกจะเรียบเนียน เต่งตึง กระชับ ขาวใส ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดี วันนี้เราจะมาแนะนำเลแซอร์แต่ละประเภทให้คุณได้รู้จักกัน
1.IPL (INTENSE PULSED LIGHT)
เป็นการยิงคลื่นแสงหลายความถี่ลงไปบนผิวหน้าในคราวเดียวกัน ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้าต่างๆได้ในเวลาพร้อมกัน เช่น ลดการอักเสบของสิว ลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ กระชับรูขุมขน รักษาแผลเป็นจากสิว เป็นต้น ซึ่งขณะทำจะใช้เจลเย็นทาที่หน้า และใช้แสง IPL ช่วยผลักดันให้เจลนั้นซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้า โดยหมุนวนจนทั่วใบหน้า เป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที ขณะทำจะรู้สึกเย็นตลอดเวลา และรู้สึกเจ็บจี๊ดๆเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ผลลัพธ์ที่ได้คือจะทำให้หน้าใส ดูอ่อนกว่าวัย
2.FINE SCAN
เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ให้ประสิทธิภาพในการรักษารอยแผลเป็น หลุมสิว กระชับรูขุมขน ลดรอยแตกลาย และช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมามีสุขภาพดี โดยการทำงานจะยิงแสงเลเซอร์คล้ายตาราง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ระหว่างทำใบหน้าจะรู้สึกร้อนนิดหน่อย ซึ่งข้อดีของการทำเลเซอร์ FINE SCAN นั้นคือทำได้กับทุกสีผิว และผลข้างเคียงจะเกิดได้น้อยมาก เช่น อาการบวมแดงจะอยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 20 นาที ถึง 2 ชั่วโมง ก็จะหายไปเอง
3.DUAL YELLOW LASER
เป็นการปล่อยเลเซอร์หน้าใส พิษณุโลกออกมา 2 ชนิด โดยชนิดแรกจะเป็นสีเหลือง มีผลช่วยให้รอยแดงและรอยดำจากสิวจางลง รักษาสิวที่อักเสบ ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิว จึงไม่เกิดแผลหรือจ้ำเลือดหลังการรักษา ส่วนชนิดที่สองจะเป็นสีเขียว ช่วยให้เม็ดสีของผิวด้านบนลดเลือนลง ลดรอยกระ ฝ้า จุดด่างดำ ทำให้หน้าขาวกระจ่างใส รอยแดงและเส้นเลือดฝอยจางลง
4.Q SWITCH ND YAG
เป็นเลเซอร์ที่ใช้รักษาความผิดปกติของเม็ดสีเมลามินใต้ผิวหนัง โดยจะปล่อยเลเซอร์ไปทำลายเม็ดสีเมลามินให้สลายไป โดยเนื้อเยื่อรอบข้างไม่ถูกทำลาย ซึ่งจะปล่อยแสงเลเซอร์ออกมา 2 ชนิด ชนิดแรกทำลายเม็ดสีเมลามินชั้นหนังกำพร้า ช่วยแก้ปัญหา กระ ฝ้า ปานแดง เป็นต้น ชนิดที่สองทำลายเม็ดสีเมลามินชั้นหนังแท้ ช่วยแก้ปัญหา กระลึก รอยแผลเป็น รอยสักต่างๆ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์ลง
5.FRACTIONAL LASER
เป็นเลเซอร์ที่จะไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้แข็งแรง เรียบเนียน อ่อนเยาว์ขึ้น ซึ่งจะเป็นการรักษาผิวทีละส่วนโดยไม่รบกวนเนื้อเยื่อที่อยู่รอบข้าง โดยจุดที่ยิงเลเซอร์ไปที่ผิวจะลอกออกไป 10-20% ของผิว แล้วผิวบริเวณโดยรอบจะทำการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ เพื่อทำการซ่อมแซมผิวบริเวณนั้น ทำให้ผิวที่เกิดขึ้นมาใหม่เรียบเนียน ขาวใส แข็งแรง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยรักษาปัญหาผิวหลายอย่าง เช่น แก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น ลดเลือนกระ ฝ้า รักษารอยหลุมแผลเป็นที่เกิดจากสิวให้ตื้นขึ้น เป็นต้น
การเตรียมตัวก่อนยิงเลเซอร์
1.ปรึกษาแพทย์ เราจะต้องไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาวิธีรักษา โดยแพทย์จะซักประวัติเบื้องต้น หากเรามีโรคประจำตัวและกินยาอยู่ ก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย เพราะยาบางตัวอาจจะมีผลกับการทำเลเซอร์
2.ตรวจร่างกาย แพทย์จะตรวจผิวหนังบริเวณที่จะทำการรักษา วิเคราะห์และประเมินผลลัพธ์หลังการรักษา ว่าผิวหน้าหลังทำเลเซอร์หน้าใสพิษณุโลกจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
3.หยุดใช้ยาบางชนิด ผู้ที่จะเข้ารับการรักษาโดยใช้เลเซอร์ต้องหยุดรับประทานยาบางชนิดและอาหารเสริมบางอย่างที่เป็นผลให้เลือดหยุดไหลช้า เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี เป็นต้น โดยแพทย์จะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาที่ต้องงดกินยานั้นๆ
4.รับประทานยาบางชนิด ผู้ที่เป็นโรคเริมบริเวณริมฝีปาก แพทย์จะจ่ายยาต้านไวรัสให้รับประทานก่อนและหลังทำเลเซอร์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และระหว่างทำการรักษาแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันแบคทีเรีย และสำหรับบางคนที่จะทำเลเซอร์ที่มีการลอกของผิวหนัง แพทย์จะให้วิตามินเอไว้ใช้ทาบริเวณผิวหน้าก่อนเข้ารับการรักษา
5.หยุดสูบบุหรี่ ผู้ที่จะเข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์ต้องหยุดสูบบุหรี่เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะจะทำให้ฟื้นตัวได้ช้า
6.หลีกเลี่ยงการปะทะแสงแดด โดยทาครีมกันแดดและสวมหมวกหรือเสื้อผ้าป้องกัน เพราะหากใบหน้าโดนแสงแดดจัดๆเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทำเลเซอร์เปลี่ยนสีและไม่สม่ำเสมอ
การดูแลผิวหน้าหลังยิงเลเซอร์
1.ทำความสะอาดผิวหน้า หลังจากทำเลเซอร์ครบ 24 ชั่วโมงแล้ว ให้ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำเกลือที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป เพราะน้ำเกลือนั้นมีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองต่อผิว อีกทั้งยังช่วยให้ความชุ่มชื้น และฟื้นตัวเร็วขึ้นอีกด้วย
2.หลีกเลี่ยงแสงแดด หลังทำเลเซอร์หน้าใส พิษณุโลกผิวหน้าจะบอบบาง ไวต่อแสงแดด จึงต้องพยายามไม่อยู่ในที่มีแดดแรงๆ ใส่หมวกหรือเสื้อผ้าที่ปกป้องผิวหน้าของเรา ทางที่ดีที่สุดคือควรอยู่ในร่มติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพราะหากผิวที่ทำเลเซอร์ไปโดดแดดโดยตรง อาจจะทำให้เกิดรอยดำได้
3.ทาครีมกันแดด นอกจากหลีกเลี่ยงแสงแดดแล้ว เรายังต้องทาครีมกันแดดที่มี SPF 30+ ขึ้นไป เพื่อป้องกันผิวไม่ให้ถูกแสงแดดทำลาย
4.ทาครีมบำรุงผิว ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า ทาทั้งตอนเช้าและก่อนนอน
5.ใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีไขมันเป็นส่วนผสม ผิวหนังจากการทำเลเซอร์จะใช้เวลาประมาณ 10-20 วันกว่าจะหายดี เราควรใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีไขมันเป็นส่วนผสมในการแต่งหน้าได้ เพื่อปกปิดรอยแดงจากการทำเลเซอร์
6.งดใช้ยาทาสิวบางชนิด หลังจากการทำเลเซอร์ ไม่ควรใช้ยารักษาสิวอุดตันที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิค เป็นเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ หรือตามแพทย์สั่ง
7.หนุนศีรษะให้สูง ในคืนแรกๆควรใช้หมอนมาหนุนนอนให้สูงขึ้นกว่าปกติ เพื่อลดอาการบวมหลังทำเลเซอร์
8.งดสูบบุหรี่ หลังจากทำเลเซอร์ ควรงดสูบบุหรี่เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อผิวหน้าของเราจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
9.รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อที่ร่างกายจะได้นำสารอาหารเหล่านั้นไปซ่อมแซมและบำรุงผิวให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
10.ดื่มน้ำให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้เพียงพอกับร่างกาย ประมาณ 1.5-2 ลิตร เพราะน้ำจะไปให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และนอกจากนั้นจะช่วยทำให้ผลจากการทำเลเซอร์ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
การทำเลเซอร์หน้าใส พิษณุโลกมีหลายชนิด ซึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหน้าของเราว่าควรจะใช้แบบใด หรือทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการทำเลเซอร์ยังมีข้อปฏิบัติทั้งก่อนและหลังที่ค่อนข้างละเอียด ซึ่งเราต้องให้ความใส่ใจกับผิวหน้าของตัวเอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น